สิ่งแรกที่เราๆท่านๆต้องรีบมองหาหลังจากได้เจ้าสมาร์ทโฟนสุดเทพกันมาแล้วนั้นก็คือ ฟิล์มกันรอย ต่อมาก็คงเป็นเคส เพราะสมาร์ทโฟนในตอนนี้นั้นมีราคาที่เรียกได้ว่าค่อยข้างสูงกันเลยทีเดียวตั้งแต่หลักพันจนถึงหลายๆหมื่น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครอยากให้สมาร์ทโฟนสุดที่รักมีรอยบาดแผลแน่นอน ที่นี้ไอเจ้าฟิล์มกันรอยมีแบบไหนกันบ้างละเพื่อจะได้เลือกให้ถูก เลือกให้ดี งั้งวันนี้เรามาดูกัน...
ฟิล์มกันรอยแบบใส (Clear Screen Protector)
เป็นฟิล์มกันรอยที่หาซื้อหาใช้ได้ง่ายที่สุด และไม่ส่งผลต่อการแสดงผล หรือสีสันของหน้าจอมากนักจนเรียกได้ว่า เหมือนไม่ติดฟิล์มกันรอยเลยทีเดียว โดยฟิล์มกันรอยแบบใสนี้จะมี ให้เลือกหลายระดับทั้ง Ultra Clear หรือ Invisible Screen Protector ฟิล์มกันรอยแบบใสจะไม่ทำให้การแสดงผลของหน้าจอประสิทธิภาพลดลงมากนัก แต่จะมีข้อเสียตรงที่จะเห็นรอยนิ้วมือง่ายเมื่อใช้งาน
ฟิล์มกันรอยแบบด้าน (Matte Screen Protector)
เป็นฟิล์มกันรอยอีกแบบที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยข้อดีในการลดรอยนิ้วมือเมื่อใช้งาน และยังลดแสงจากหน้าจอ ช่วยถนอมสายตาได้ในระดับหนึ่งด้วย รวมถึงลดการสะท้อนจากแสงรอบๆ ด้วย แต่สำหรับคนที่ชอบหน้าจอสีสดใสจากหน้าจอ ฟิล์มกันรอยแบบนี้อาจไม่เหมาะสักเท่าไร
ฟิล์มกันรอยแบบเพิ่มความเป็นส่วนตัว (Privacy Screen Protector)
ฟิล์มนี้จะเหมาะกับผู้ใช้ที่มีเรื่องส่วนตัวในสมาร์ทโฟนเยอะ และต้องใช้สมาร์ทโฟนท่ามกลางฝูงชนมากมายที่อาจจะถือวิสาสะมองจอเราขณะที่เรากำลังใช้สมาร์ทโฟนอยู่ โดยฟิล์มกันรอยชนิดนี้จะทำให้สามารถมองเห็นหน้าจอสมาร์ทโฟนได้เฉพาะมุมด้านหน้าตรงๆ เท่านั้น หากมองจากมุมอื่นจะมองเห็นเป็นแค่จอมืดๆ นั่นเอง แต่ก็มีข้อเสียคือ เราอาจจะแชร์ความสุขด้วยการดูคลิปวีดีโอ หรือรูปภาพต่างๆ พร้อมกับเพื่อนหลายๆ คนไม่ได้ เพราะจะมีแค่คนที่อยู่ตรงหน้าจอเท่านั้นที่มองเห็น
ฟิล์มกันรอยแบบกระจก (Mirror Screen Protector)
เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ชอบส่องกระจกเพื่อเช็คความพร้อมของใบหน้าบ่อยๆ แต่ไม่อยากพกกระจก ฟิล์มชนิดนี้จะพิเศษตรงที่เพิ่มชั้นฟิล์มขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น ซึ่งเป็นชั้นของกระจกที่คล้ายๆ กระจกเงา จึงทำให้ฟิล์มนี้หนากว่าปกติ และข้อดีที่เหนือกว่าฟิล์มกันรอยแบบอื่นๆ ก็คือ ฟิล์มชนิดนี้ใช้ส่องแทนกระจกได้ แต่ข้อเสียคือ เนื่องจากฟิล์มชนิดนี้มีฟิล์มกระจกเพิ่มมาอีกชั้น เมื่ออยู่ในที่ๆ มีแสงจัด อาจทำให้มองเห็นหน้าจอไม่ชัด จนอาจไม่เห็นเลย และฟิล์มก็เป็นรอยขีดข่วนง่ายมาก อาจจะต้องเปลี่ยนฟิล์มบ่อยๆ
ฟิล์มกันรอยแบบมีลวดลาย (Design Screen Protector)
ฟิล์มสำหรับคนที่ไม่ชอบความจำเจ ชอบแสดงออกให้หลายๆ คนเห็นถึงความเป็นตัวของตัวเองด้วยฟิล์มกันรอยแบบสติกเกอร์มีลวดลายสำหรับตัวเครื่อง โดยฟิล์มชนิดนี้ จะไม่เน้นการป้องกันรอยขีดข่วน เนื้อฟิล์มจึงไม่ค่อยทนทานเท่าฟิล์มแบบอื่นๆ นอกจากนี้ยังหาซื้อยากสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นที่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก
ฟิล์มกันรอยแบบกันกระแทก (Anti-Shock Screen Protector)
ปัญหาหนักอกหนักใจที่บรรดาผู้ใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ต้องเจอกันอยู่เป็นประจำก็คือการทำเครื่องหล่น หรือเกิดกระแทกกับของบางอย่างแล้วหน้าจอแตก ซึ่งทำให้ลำบากต้องเสียเงินไปเปลี่ยนหน้าจอกันหลายพันบาท ดังนั้นบรรดาผู้ผลิตฟิล์มกันรอยชั้นนำจึงพร้อมใจกันพัฒนาฟิล์มกันรอยแบบกันกระแทก (Anti-Shock) ออกมาโดยเฉพาะ ซึ่งจุดเด่นของฟิล์มกันกระแทกแบบนี้ แน่นอนว่าตัวฟิล์มจะมีความทนทานต่อแรงตกกระแทกของวัตถุที่กระทบกับหน้าจอ รวมไปถึงการป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากการพกพาของผู้ใช้ อีกทั้งแผ่นฟิล์มยังมีความแข็งแรงทนทานกว่าฟิล์มแบบทั่วๆ ไปหลายเท่าเลยทีเดียว
ฟิล์มกันรอยแบบต่างๆ แต่ละยี่ห้อ แต่ละแบบจะมีราคาที่แตกต่างกันไป โดยที่ฟิล์มราคาแพงกว่าจะแลกมาด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ของฟิล์มที่ดีกว่า เช่น กันรอยขีดข่วนได้ดีกว่า, ป้องกันรอยนิ้วมือเมื่อใช้งานได้ดีกว่า หรือลดการสะท้อนแสงจากแสงรอบๆ ตัวได้ดีกว่า เป็นต้น ซึ่งฟิล์มกันรอยที่ราคายิ่งสูง ก็จะยิ่งได้ฟิล์มที่มีคุณภาพกว่าฟิล์มที่ราคาถูกกว่านั่นเอง สำหรับการเลือกซื้อ ก็คงต้องพิจารณากันต่อไปว่า ผู้ใช้ถูกใจกับฟิล์มกันรอยแบบไหนมากกว่ากัน, มีงบประมาณมากน้อยขนาดไหน และฟิล์มกันรอยแบบไหนเหมาะสมกับการใช้งานของผู้ใช้ที่สุดนั่นเองครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaimobilecenter.com